nureehoneyshop. ขับเคลื่อนโดย Blogger.

“น้ำผึ้ง” กับสุขภาพทางเพศ

“น้ำผึ้ง” กับสุขภาพทางเพศ


คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้ว่า “” เป็นยาอายุวัฒนะ หรือ “อาหารเสริมบำรุงร่างกาย” และใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้งส่งเสริมการเจริญเติบโต การฟื้นฟูระบบต่างๆ ของร่างกายที่สึกหรอ หรือใช้เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
แต่น้อยคนจะรู้ว่า “น้ำผึ้งกับสุขภาพทางเพศ” มีความเกี่ยวข้องกัน และคนโบราณได้ใช้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งเป็นยาบำรุงสุขภาพทางเพศมาช้านาน วันนี้เรามารับรู้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งกับสุขภาพทางเพศกันอีกครั้ง
น้ำผึ้งอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศมากมายหลายชนิด เพราะผึ้งจะรวบรวมน้ำหวานและสารอาหารจากมวลดอกไม้นานาพรรณ และสารเหล่านั้นสามารถใช้ปรับปรุงสุขภาพทางเพศของคนเราได้
น้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้ผ่านความร้อน จะอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศอ่อนๆ ตามธรรมชาติ มีสารอาหารและแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น สังกะสีวิตามินบี วิตามินอี ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของร่ายกาย และสร้างเสริมสุขภาพทางเพศให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายให้กลายเป็นน้ำตาล ช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
วิตามินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญภายในน้ำผึ้ง จะช่วยเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน)และ “สารโบรอน” ในน้ำผึ้งจะช่วยให้ร่างกายสร้าง “เอสโทรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการเร้าอารมณ์เพศ
หากรับประทานน้ำผึ้งและกระเทียมก่อนนอนเป็นประจำ จะช่วยให้หลับง่าย และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีบุตรยากเนื่องจากฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิต่ำ การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มจำนวนตัวอสุจิให้สูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวอสุจิ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกายที่มีหน้าที่ผลิตอสุจิทำงานดีขึ้น
การรับประทานน้ำผึ้งผสมกับน้ำผลไม้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ เช้าเย็น จะทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายชายมีความแข็งตัวได้ดีขึ้น
การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้น
รู้อย่างนี้แล้ว ใครสนใจก็ลองไปหาน้ำผึ้งมารับประทาน และพิสูจน์เรื่องนี้กันได้ตามอัธยาศัย

“น้ำผึ้ง” กับสุขภาพทางเพศ


คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้ว่า “” เป็นยาอายุวัฒนะ หรือ “อาหารเสริมบำรุงร่างกาย” และใช้คุณประโยชน์ของ น้ำผึ้งส่งเสริมการเจริญเติบโต การฟื้นฟูระบบต่างๆ ของร่างกายที่สึกหรอ หรือใช้เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
แต่น้อยคนจะรู้ว่า “น้ำผึ้งกับสุขภาพทางเพศ” มีความเกี่ยวข้องกัน และคนโบราณได้ใช้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งเป็นยาบำรุงสุขภาพทางเพศมาช้านาน วันนี้เรามารับรู้คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งกับสุขภาพทางเพศกันอีกครั้ง
น้ำผึ้งอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศมากมายหลายชนิด เพราะผึ้งจะรวบรวมน้ำหวานและสารอาหารจากมวลดอกไม้นานาพรรณ และสารเหล่านั้นสามารถใช้ปรับปรุงสุขภาพทางเพศของคนเราได้
น้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้ผ่านความร้อน จะอุดมด้วยสารกระตุ้นทางเพศอ่อนๆ ตามธรรมชาติ มีสารอาหารและแร่ธาตุหลายอย่าง เช่น สังกะสีวิตามินบี วิตามินอี ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของร่ายกาย และสร้างเสริมสุขภาพทางเพศให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายให้กลายเป็นน้ำตาล ช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย
วิตามินที่เป็นองค์ประกอบสำคัญภายในน้ำผึ้ง จะช่วยเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน)และ “สารโบรอน” ในน้ำผึ้งจะช่วยให้ร่างกายสร้าง “เอสโทรเจน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการเร้าอารมณ์เพศ
หากรับประทานน้ำผึ้งและกระเทียมก่อนนอนเป็นประจำ จะช่วยให้หลับง่าย และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่มีบุตรยากเนื่องจากฝ่ายชายมีจำนวนอสุจิต่ำ การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายสามารถเพิ่มจำนวนตัวอสุจิให้สูงขึ้น และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ตัวอสุจิ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกายที่มีหน้าที่ผลิตอสุจิทำงานดีขึ้น
การรับประทานน้ำผึ้งผสมกับน้ำผลไม้วันละ 2 ช้อนโต๊ะ เช้าเย็น จะทำให้อวัยวะเพศของฝ่ายชายมีความแข็งตัวได้ดีขึ้น
การรับประทานน้ำผึ้งเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้น
รู้อย่างนี้แล้ว ใครสนใจก็ลองไปหาน้ำผึ้งมารับประทาน และพิสูจน์เรื่องนี้กันได้ตามอัธยาศัย

รวมมิตรสูตร DIY พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง


รวมมิตรสูตร DIY พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง



ไม่ว่าจะเป็นยุดคสมัยใด ความต้องการดูแลผิวหน้าให้ขาวเนียนกระจ่างสดใส ก็ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ แต่วิธีการดูแลผิวหน้าเองก็จำเป็นที่จะต้องคำนวณงบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้เข้าไปด้วย เพราะถ้าหากไม่ทำการควบคุมให้ดีๆล่ะก็ ถึงแม้ผิวพรรณของคุณจะสวยสดงดงามมากขึ้นจริง แต่เงินในกระเป๋าก็อาจจะลอยล่องออกไปมากจนเกินความจำเป็นได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเสริมความงามให้กับตัวเองด้วยวิธี DIY โดยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างง่ายๆ ที่สามารถหาส่วนผสมได้จากในครัวของคุณเอง อย่างเช่นพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แถมผลลัพธ์ที่ได้ยังจัดว่ายอดเยี่ยมอีกต่างหาก ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจะมีดีอย่างไรนั้น เราไปติดตามอ่านผ่านบทความชิ้นนี้ด้วยกันเลย


พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว ช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร?
         การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยทำความสะอาดผิว เพิ่มความชุ่มฃื้นแก่ผิว นอกจากนี้ในมะนาวจะเต็มไปด้วย AHA และ BHA ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้ดูเท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่น้ำผึ้งเองก็ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และยังช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
         ก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว คุณควรเตรียมผิวของตัวเอง ด้วยการเทน้ำร้อนลงในชาม จากนั้นให้ใบหน้าอยู่เหนือชามใบนั้น ปล่อยให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาทำการหน้าที่ช่วยเปิดรูขุมขน การทำเช่นนี้จะเป็นการช่วยให้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวสามารถชะล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ภายในรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น

สูตรการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวยอดนิยม มีอะไรบ้างไปดูกัน?
         สำหรับการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น ส่วนใหญ่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้ น้ำผึ้งดิบ+มะนาว ส่วนผสมที่ใช้มีมะนาวครึ่งซีก และน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ทำการบีบผสมลงในชามในเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วคุณได้ส่วนผสมที่พร้อมใช้ในการพอกใบหน้าแล้ว



วิธีการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวอย่างถูกต้อง
         นำส่วนผสมที่ได้มาทำการทาบางๆให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา แล้วปล่อยให้ผิวของคุณดื่มด่ำกับส่วนผสมแท้ๆจากธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลาประมาณ 15-30 นาที พยายามอย่าพูดอะไร จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วราดน้ำเย็นซ้ำอีกครั้งเพื่อช่วยปิดรูขุมขนที่เปิดกว้างอยู่ ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด พักผิวผ่อนผิวหน้าของคุณทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยตบท้ายส่วนที่เหลือด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวชิ้นโปรดของคุณ ซึ่งการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ทุกเช้า-เย็น หรือถ้าหากคุณไม่มีเวลามากขนาดนั้น คุณก็สามารถที่จะทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว
         ผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายๆคนจะเกิดอาการแสบเมื่อทำการพอกหน้าด้วยส่วนผสมที่มีน้ำมะนาว ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจริงๆ แต่เคยมีประวัติว่าผิวแพ้ง่าย หรือบางเป็นพิเศษ ควรลดปริมาณส่วนผสมที่เป็นน้ำมะนาวให้น้อยลง จากมะนาวครึ่งซีกอาจจะเหลือเพียงไม่กี่หยด นอกจากนี้ ก่อนการพอกหน้าทุกครั้งให้มั่นใจอยู่เสมอว่าผิวของคุณไม่ได้ผ่านขัดผิวมาก่อนในระยะเวลาอันสั้น เพราะถ้าไม่เช่นนั้น น้ำมะนาวจะทำให้คุณรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

รวมมิตรสูตร DIY พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง



ไม่ว่าจะเป็นยุดคสมัยใด ความต้องการดูแลผิวหน้าให้ขาวเนียนกระจ่างสดใส ก็ยังเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมจากคุณสาวๆ แต่วิธีการดูแลผิวหน้าเองก็จำเป็นที่จะต้องคำนวณงบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้เข้าไปด้วย เพราะถ้าหากไม่ทำการควบคุมให้ดีๆล่ะก็ ถึงแม้ผิวพรรณของคุณจะสวยสดงดงามมากขึ้นจริง แต่เงินในกระเป๋าก็อาจจะลอยล่องออกไปมากจนเกินความจำเป็นได้เช่นกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเสริมความงามให้กับตัวเองด้วยวิธี DIY โดยการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างง่ายๆ ที่สามารถหาส่วนผสมได้จากในครัวของคุณเอง อย่างเช่นพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แถมผลลัพธ์ที่ได้ยังจัดว่ายอดเยี่ยมอีกต่างหาก ส่วนสูตรพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจะมีดีอย่างไรนั้น เราไปติดตามอ่านผ่านบทความชิ้นนี้ด้วยกันเลย


พอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว ช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร?
         การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว มีคุณสมบัติสุดพิเศษในการช่วยทำความสะอาดผิว เพิ่มความชุ่มฃื้นแก่ผิว นอกจากนี้ในมะนาวจะเต็มไปด้วย AHA และ BHA ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการเกิดสิว และปรับสภาพผิวให้ดูเท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่น้ำผึ้งเองก็ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และยังช่วยในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
         ก่อนการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว คุณควรเตรียมผิวของตัวเอง ด้วยการเทน้ำร้อนลงในชาม จากนั้นให้ใบหน้าอยู่เหนือชามใบนั้น ปล่อยให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาทำการหน้าที่ช่วยเปิดรูขุมขน การทำเช่นนี้จะเป็นการช่วยให้การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวสามารถชะล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ภายในรูขุมขนได้อย่างสะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น

สูตรการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวยอดนิยม มีอะไรบ้างไปดูกัน?
         สำหรับการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น ส่วนใหญ่โดยทั่วไปแล้วนิยมใช้ น้ำผึ้งดิบ+มะนาว ส่วนผสมที่ใช้มีมะนาวครึ่งซีก และน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนโต๊ะ ทำการบีบผสมลงในชามในเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วคุณได้ส่วนผสมที่พร้อมใช้ในการพอกใบหน้าแล้ว



วิธีการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวอย่างถูกต้อง
         นำส่วนผสมที่ได้มาทำการทาบางๆให้ทั่วทั้งใบหน้า โดยพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา แล้วปล่อยให้ผิวของคุณดื่มด่ำกับส่วนผสมแท้ๆจากธรรมชาติเหล่านั้นอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลาประมาณ 15-30 นาที พยายามอย่าพูดอะไร จากนั้นจึงค่อยทำการล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วราดน้ำเย็นซ้ำอีกครั้งเพื่อช่วยปิดรูขุมขนที่เปิดกว้างอยู่ ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด พักผิวผ่อนผิวหน้าของคุณทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยตบท้ายส่วนที่เหลือด้วยครีม หรือเซรั่มบำรุงผิวชิ้นโปรดของคุณ ซึ่งการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวนั้น สามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ทุกเช้า-เย็น หรือถ้าหากคุณไม่มีเวลามากขนาดนั้น คุณก็สามารถที่จะทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งได้เช่นกัน

ข้อควรระวังในการพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาว
         ผิวของคนเรามีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่หลายๆคนจะเกิดอาการแสบเมื่อทำการพอกหน้าด้วยส่วนผสมที่มีน้ำมะนาว ถ้าหากคุณสาวๆต้องการที่จะพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง มะนาวจริงๆ แต่เคยมีประวัติว่าผิวแพ้ง่าย หรือบางเป็นพิเศษ ควรลดปริมาณส่วนผสมที่เป็นน้ำมะนาวให้น้อยลง จากมะนาวครึ่งซีกอาจจะเหลือเพียงไม่กี่หยด นอกจากนี้ ก่อนการพอกหน้าทุกครั้งให้มั่นใจอยู่เสมอว่าผิวของคุณไม่ได้ผ่านขัดผิวมาก่อนในระยะเวลาอันสั้น เพราะถ้าไม่เช่นนั้น น้ำมะนาวจะทำให้คุณรู้สึกปวดแสบปวดร้อนมากขึ้นกว่าเดิม

ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง การตรวจจับด้วยเทคนิคด่าง ๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งมีราคาแพงและค่อนข้างยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดคือควรซื้อน้ำผึ้งจากผู้ขายที่เชื่อใจได้ หรือมิฉะนั้นต้องใช้สายตาประเมินคุณภาพดังต่อไปนี้
  1. มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้น ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่าง ๆ
  5. ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง
  7. การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
  8. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที

โภชนาการทางการรักษา

ในประเทศไทย

น้ำผึ้ง ตามแบบแผนการรักษา ตำรับยาโบราณของไทย ได้มีการสืบทอดกันมา ตามสูตรยาสมุนไพรโบราณ มักนำมาใช้แต่งกลิ่นเจือรส ชูความง่ายในการรับประทาน เพราะส่วนมากสมุนไพรมักมีรสฝาดและขม โดยน้ำผึ้งใช้ทั้งแต่รส ขึ้นรูป และเป็นส่วนประกบในยาแผนโบราณหลายชนิด ตามสรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ
  • แต่งรส น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อยเราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมใและช่วยชูกำลัง
  • ปรุงยา เป็นส่วนประกอบในการนำไปใช้ โดยน้ำผึ้งมาผสมกับยาผงให้เหนียว เพื่อปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง
ตามความเชือโบราณ น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
ตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา สอง เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก สาม คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่าง ๆ

ในประเทศจีน

ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี
ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนาน ๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้

ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง การตรวจจับด้วยเทคนิคด่าง ๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งมีราคาแพงและค่อนข้างยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดคือควรซื้อน้ำผึ้งจากผู้ขายที่เชื่อใจได้ หรือมิฉะนั้นต้องใช้สายตาประเมินคุณภาพดังต่อไปนี้
  1. มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้น ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่าง ๆ
  5. ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง
  7. การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
  8. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที

โภชนาการทางการรักษา

ในประเทศไทย

น้ำผึ้ง ตามแบบแผนการรักษา ตำรับยาโบราณของไทย ได้มีการสืบทอดกันมา ตามสูตรยาสมุนไพรโบราณ มักนำมาใช้แต่งกลิ่นเจือรส ชูความง่ายในการรับประทาน เพราะส่วนมากสมุนไพรมักมีรสฝาดและขม โดยน้ำผึ้งใช้ทั้งแต่รส ขึ้นรูป และเป็นส่วนประกบในยาแผนโบราณหลายชนิด ตามสรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ
  • แต่งรส น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อยเราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมใและช่วยชูกำลัง
  • ปรุงยา เป็นส่วนประกอบในการนำไปใช้ โดยน้ำผึ้งมาผสมกับยาผงให้เหนียว เพื่อปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง
ตามความเชือโบราณ น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
ตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา สอง เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก สาม คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่าง ๆ

ในประเทศจีน

ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี
ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนาน ๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้

สรรพคุณน้ำผึ้ง ใช้เป็นอาหารและยา

สรรพคุณน้ำผึ้ง ใช้เป็นอาหารและยา


สรรพคุณของน้ำผึ้งในการใช้น้ำผึ้งเป็นอาหารและยา

  • ลดการอักเสบ หากมีบาดแผลหรือแผลถลอกให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผล น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็ว
  • รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง
  • ต้านข้ออักเสบ ผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง
  • แก้อาการท้องผูก กินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
  • แก้นอนไม่หลับ น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อน ๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรือชาดอกไม้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น
  • บำรุงเลือด เทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือด
  • บรรเทาอาการไอ บีบมะนาวฝานสด ๆ หนึ่งเสี้ยวเข้าปากให้ลงลำคอ และจิบน้ำผึ้งแท้ หนึ่งช้อนโต๊ะ อมไว้ หายไอดีมาก หรือ
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 500 กรัม ขิงสด1.2 กิโลกรัม (1 ชั่ง)
    • วิธีทำ: คั้นขิงสดเอาแต่น้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งต้มจนแห้ง
    • วิธีกิน: กินครั้งละขนาดเท่าลูกอมจะช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
  • บำบัดเบาหวาน
    • ส่วนผสม: สาลี่หอมหรือสาลี่หิมะจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม
    • วิธีทำ: ปอกเปลือกสาลี่แล้วตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว บรรจุใส่ขวด
    • วิธีกิน: ผสมน้ำกิน ช่วยแก้อาการไอและบำบัดโรคเบาหวานได้
  • ลดความดันโลหิตสูง
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้งและงาดำ อย่างละ 50 กรัม
    • วิธีทำ: ตำงาดำให้ละเอียดแล้วคลุกกับน้ำผึ้ง
    • วิธีกิน: ชงกับน้ำร้อนดื่มรักษาโรคความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง
  • ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
  • สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
  • เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

สรรพคุณน้ำผึ้ง ใช้เป็นอาหารและยา


สรรพคุณของน้ำผึ้งในการใช้น้ำผึ้งเป็นอาหารและยา

  • ลดการอักเสบ หากมีบาดแผลหรือแผลถลอกให้ล้างด้วยน้ำเบกกิ้งโซดา หรืออบเชย ชาเสจ ชาใบผักชี (ที่เย็นแล้ว) ซึ่งมีสรรพคุณฆ่าเชื้อทั้งสิ้น อาจใช้ชาดำธรรมดา น้ำมันหอม และน้ำมันกระเทียมช่วยล้างด้วยเพื่อห้ามเลือด จากนั้นทาน้ำผึ้งสะอาดบนแผล น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและทำให้แผลหายเร็ว
  • รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณกลากเกลื้อน วันละ 2 ครั้ง
  • ต้านข้ออักเสบ ผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน เติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละ 2 ครั้ง
  • แก้อาการท้องผูก กินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
  • แก้นอนไม่หลับ น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อน ๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรือชาดอกไม้ เช่น ชาดอกคาโมมายล์ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น
  • บำรุงเลือด เทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซึก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน ดื่มเป็นยาบำรุงเลือด
  • บรรเทาอาการไอ บีบมะนาวฝานสด ๆ หนึ่งเสี้ยวเข้าปากให้ลงลำคอ และจิบน้ำผึ้งแท้ หนึ่งช้อนโต๊ะ อมไว้ หายไอดีมาก หรือ
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 500 กรัม ขิงสด1.2 กิโลกรัม (1 ชั่ง)
    • วิธีทำ: คั้นขิงสดเอาแต่น้ำ แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งต้มจนแห้ง
    • วิธีกิน: กินครั้งละขนาดเท่าลูกอมจะช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
  • บำบัดเบาหวาน
    • ส่วนผสม: สาลี่หอมหรือสาลี่หิมะจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม
    • วิธีทำ: ปอกเปลือกสาลี่แล้วตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว บรรจุใส่ขวด
    • วิธีกิน: ผสมน้ำกิน ช่วยแก้อาการไอและบำบัดโรคเบาหวานได้
  • ลดความดันโลหิตสูง
    • ส่วนผสม: น้ำผึ้งและงาดำ อย่างละ 50 กรัม
    • วิธีทำ: ตำงาดำให้ละเอียดแล้วคลุกกับน้ำผึ้ง
    • วิธีกิน: ชงกับน้ำร้อนดื่มรักษาโรคความดันโลหิตสูงและบรรเทาอาการท้องผูกเรื้อรัง
  • ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
  • สำหรับผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
  • เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

ประโยชน์จากน้ำผึ้งแท้

ประโยชน์จากน้ำผึ้งแท้



 
 น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ช่วยเสริมสุขภาพ มีสรรพคุณทางยาและคุณค่ามาก และยังเป็นอาหารบำรุงผิวที่มีประโยชน์เหมาะกับเรื่องความสวยความงามด้วยค่ะ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับน้ำผึ้งก่อนค่ะ
                             น้ำผึ้งเกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่ผึ้งบินไปตอมซึ่งเป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมาแล้วใช้กระบวนการตามธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งตอม
               รวมถึงสภาวะแวดล้อมของพืชชนิดนั้น ๆ และบริเวณที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งป่า หรือผึ้งที่เลี้ยงในป่าแบบปล่อยธรรมชาติ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยงในฟาร์มผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งเลี้ยงบางครั้งจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
              วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ สามารถทำได้โดยการนำน้ำผึ้งที่ได้มาใส่ไว้ในขวด ตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกเหนือจากการดูน้ำผึ้งป่ากับผึ้งเลี้ยงแล้วก็ต้องระวังเรื่องน้ำผึ้งปลอมด้วยนะคะ

              ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมีวิตามิน บี ซี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น รวมถึงสารเอนติออกซิเดนท์
               เช่นเดียวกับที่พบในอาหารประเภทผักใบเขียว หรือชาเขียวซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต ช่วยปรับสมดุลร่างกาย และควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
              เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้ง (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล
(Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น

                ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมอุ่นๆ จะช่วยให้คุณหลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้าง จะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่

                สมัยก่อนไม่มีเครื่องสำอางมากมายอย่างในสมัยนี้ แต่ว่าคนสมัยโบราณก็รู้จักใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องบำรุงความงามได้ดีมากทีเดียว และเครื่องสำอางสมัยนี้ก็มีอยู่หลายอย่างที่ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเพื่อทำเป็นเครื่องบำรุงผิวให้งดงามชุ่มชื้น

                สำหรับผิวแห้งแตก เมื่ออากาศหนาวเย็นผิวก็จะแห้งง่าย เอาน้ำผึ้งแท้ไม่ต้องผสมอะไรนะคะ ทาผิวจะช่วยป้องกันผิวแห้งได้ ผิวก็จะไม่แตกด้วย

                สำหรับริมฝีปากแห้งและแตกง่าย ถ้าทาน้ำผึ้งบ้างก็จะสามารถป้องกันไม่ให้แตกเป็นแผลได้คะ
                 เพื่อผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว
                     นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก
                  น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน หรือที่เรียกว่า Raw Organic Honeyจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น

                เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

              จะเห็นได้ว่า "น้ำผึ้ง" มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือน 5 หรือน้ำผึ้งแท้มาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา หรือเป็นตัวประสานในยา เช่น นำมาปั้นเป็นลูกกลอน เป็นน้ำกระสายละลายผงยา และน้ำผึ้งจัดเป็นตัวยาสมุนไพรสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวในการเอามาทำยาอายุวัฒนะในทุก ๆ ครั้ง นั่นก็เป็นเพราะคุณค่าอันมีประโยชน์อย่างมากมายที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอายุยืนยาวมากกว่าปกติ

            ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่าน้ำผึ้งจะสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ เมื่อทราบกันอย่างนี้แล้ว อยากมีน้ำผึ้งติดบ้านซะแล้วซิ จริงไหมคะ
ประโยชน์จากน้ำผึ้งแท้



 
 น้ำผึ้งจัดเป็นอาหารธรรมชาติที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ช่วยเสริมสุขภาพ มีสรรพคุณทางยาและคุณค่ามาก และยังเป็นอาหารบำรุงผิวที่มีประโยชน์เหมาะกับเรื่องความสวยความงามด้วยค่ะ ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับน้ำผึ้งก่อนค่ะ
                             น้ำผึ้งเกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ที่ผึ้งบินไปตอมซึ่งเป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมาแล้วใช้กระบวนการตามธรรมชาติ เปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งตอม
               รวมถึงสภาวะแวดล้อมของพืชชนิดนั้น ๆ และบริเวณที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากผึ้งป่า หรือผึ้งที่เลี้ยงในป่าแบบปล่อยธรรมชาติ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยงในฟาร์มผึ้ง ซึ่งน้ำผึ้งเลี้ยงบางครั้งจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
              วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ สามารถทำได้โดยการนำน้ำผึ้งที่ได้มาใส่ไว้ในขวด ตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกเหนือจากการดูน้ำผึ้งป่ากับผึ้งเลี้ยงแล้วก็ต้องระวังเรื่องน้ำผึ้งปลอมด้วยนะคะ

              ประโยชน์ของน้ำผึ้ง ในน้ำผึ้งมีวิตามิน บี ซี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ กรดอะมิโนจำเป็น รวมถึงสารเอนติออกซิเดนท์
               เช่นเดียวกับที่พบในอาหารประเภทผักใบเขียว หรือชาเขียวซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต ช่วยปรับสมดุลร่างกาย และควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ
              เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป โดยนำน้ำผึ้ง (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล
(Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น

                ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมอุ่นๆ จะช่วยให้คุณหลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้าง จะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่

                สมัยก่อนไม่มีเครื่องสำอางมากมายอย่างในสมัยนี้ แต่ว่าคนสมัยโบราณก็รู้จักใช้น้ำผึ้งเป็นเครื่องบำรุงความงามได้ดีมากทีเดียว และเครื่องสำอางสมัยนี้ก็มีอยู่หลายอย่างที่ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบเพื่อทำเป็นเครื่องบำรุงผิวให้งดงามชุ่มชื้น

                สำหรับผิวแห้งแตก เมื่ออากาศหนาวเย็นผิวก็จะแห้งง่าย เอาน้ำผึ้งแท้ไม่ต้องผสมอะไรนะคะ ทาผิวจะช่วยป้องกันผิวแห้งได้ ผิวก็จะไม่แตกด้วย

                สำหรับริมฝีปากแห้งและแตกง่าย ถ้าทาน้ำผึ้งบ้างก็จะสามารถป้องกันไม่ให้แตกเป็นแผลได้คะ
                 เพื่อผิวหน้าสดใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้ หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว
                     นำกล้วยหอม 1/2 ลูก นำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาที แล้วล้างออก
                  น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน หรือที่เรียกว่า Raw Organic Honeyจะมีเอ็นไซน์ ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น

                เพื่อผมเงางาม หลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ

              จะเห็นได้ว่า "น้ำผึ้ง" มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างมาก ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือน 5 หรือน้ำผึ้งแท้มาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา หรือเป็นตัวประสานในยา เช่น นำมาปั้นเป็นลูกกลอน เป็นน้ำกระสายละลายผงยา และน้ำผึ้งจัดเป็นตัวยาสมุนไพรสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวในการเอามาทำยาอายุวัฒนะในทุก ๆ ครั้ง นั่นก็เป็นเพราะคุณค่าอันมีประโยชน์อย่างมากมายที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอายุยืนยาวมากกว่าปกติ

            ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่าน้ำผึ้งจะสามารถทำอะไรได้มากมายขนาดนี้ เมื่อทราบกันอย่างนี้แล้ว อยากมีน้ำผึ้งติดบ้านซะแล้วซิ จริงไหมคะ

น้ำผึ้งแท้

เกี่ยวกับน้ำผึ้ง น้ำผึ้งแท้



น้ำผึ้ง (อังกฤษHoney) เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์ Apis เนื่องจาก เป็นผึงเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ นอกจากนี้ ยังมีภูมิปัญญาที่ใช้น้ำผึ้งในการรักษาอาการเจ็บป่วย


กระบวนการผลิต

ผึ้งน้ำหวานเปลี่ยนน้ำต้อยเป็นน้ำผึ้งด้วยขบวนการการขย้อน และเก็บไว้เป็นแหล่งอาหารหลักในรังผึ้ง honeycomb โดยผึงจะสร้าง ขี้ผึ้งจากเศษเกสรดอกไม้และน้ำเมือก โดยจะเก็บของเหลว จากการขย้อน]ลงใน ฐานหกเหลียม และปิดไว้ด้วย ขี้ผึ้งอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการ

น้ำผึ้งได้ความหวานจากมอโนแซ็กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลูโคส และมีความหวานประมาณเทียบได้กับน้ำตาลเม็ด[1][2] น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางเคมีที่ดึงดูดในการอบ และมีรสชาติพิเศษซึ่งทำให้บางคนชอบน้ำผึ้งมากกว่าน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ [1] จุลินทรีย์ส่วนมากไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพราะมีค่าแอกติวิตีของน้ำต่ำที่ 0.6[3] อย่างไรก็ดี บางครั้งน้ำผึ้งก็มีเอนโดสปอร์ในระยะพักตัวของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะเอนโดสปอร์สามารถแปลงเป็นแบคทีเรียที่ผลิตชีวพิษในทางเดินอาหารที่ยังไม่เจริญเต็มที่ของทารก ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บป่วยและอาจถึงแก่ชีวิต[4]

ส่วนประกอบทางเคมี

น้ำผึ้ง
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
พลังงาน1,272 kJ (304 kcal)
82.4 g
น้ำตาล82.12 g
ใยอาหาร0.2 g
0 g
0.3 g
วิตามิน
ไรโบเฟลวิน (บี2)
(3%)
0.038 mg
ไนอาซิน (บี3)
(1%)
0.121 mg
(1%)
0.068 mg
วิตามินบี6
(2%)
0.024 mg
โฟเลต (บี9)
(1%)
2 μg
วิตามินซี
(1%)
0.5 mg
โลหะรอง
แคลเซียม
(1%)
6 mg
เหล็ก
(3%)
0.42 mg
แมกนีเซียม
(1%)
2 mg
ฟอสฟอรัส
(1%)
4 mg
โพแทสเซียม
(1%)
52 mg
โซเดียม
(0%)
4 mg
สังกะสี
(2%)
0.22 mg
องค์ประกอบอื่น
น้ำ17.10 g

Shown is for 100 g, roughly 5 tbsp.
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ใหญ่
แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database


น้ำผึ้งเป็นสารผสมของน้ำตาลกับสารประกอบอื่น น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นฟรุกโทส (ราว 38.5%) และกลูโคส (ราว 31.0%) [1] ทำให้น้ำผึ้งคล้ายกับน้ำเชื่อมน้ำตาลอินเวิร์ท (inverted sugar syrup) ที่ผลิตเชิงสังเคราะห์ ซึ่งมีปริมาณฟรุกโทส 48% กลูโคส 47% และซูโครส 5% คาร์โบไฮเดรตที่เหลือในน้ำผึ้งมีมอลโทสและคาร์โบไฮเดรตซับซ้อนอื่น ๆ [1] เช่นเดียวกับสารให้ความหวานที่บำรุงสุขภาพทุกชนิด น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลและมีวิตามินหรือแร่ธาตุอยู่เล็กน้อย[5][6] น้ำผึ้งยังมีสารประกอบหลายชนิดในปริมาณน้อยซึ่งคาดกันว่าทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงไครซิน พิโนแบค์ซิน วิตามินซี คาตาเลสและพิโนเซมบริน[7][8] องค์ประกอบที่เจาะจงของน้ำผึ้งแต่ละกลุ่มนั้นขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ผึ้งใช้ผลิตน้ำผึ้ง[5]
ผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งตามแบบ มีสารดังต่อไปนี้
  • ฟรุกโทส 38.2%
  • กลูโคส 31.3%
  • มอลโทส 7.1%
  • ซูโครส 1.3%
  • น้ำ 17.2%
  • น้ำตาลที่สูงกว่า 1.5%
  • เถ้า 0.2%
  • อื่น ๆ /ไม่กำหนด 3.2%[9]
ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ระหว่าง 31 ถึง 78 แล้วแต่ชนิด[10] น้ำผึ้งมีความหนาแน่นราว 1.36 กิโลกรัมต่อลิตร (หนาแน่นกว่าน้ำ 36%) [11]

โภชนาการทางการรักษา

ในประเทศไทย

น้ำผึ้ง ตามแบบแผนการรักษา ตำรับยาโบราณของไทย ได้มีการสืบทอดกันมา ตามสูตรยาสมุนไพรโบราณ มักนำมาใช้แต่งกลิ่นเจือรส ชูความง่ายในการรับประทาน เพราะส่วนมากสมุนไพรมักมีรสฝาดและขม โดยน้ำผึ้งใช้ทั้งแต่รส ขึ้นรูป และเป็นส่วนประกบในยาแผนโบราณหลายชนิด ตามสรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ
  • แต่งรส น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อยเราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมใและช่วยชูกำลัง
  • ปรุงยา เป็นส่วนประกอบในการนำไปใช้ โดยน้ำผึ้งมาผสมกับยาผงให้เหนียว เพื่อปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง
ตามความเชือโบราณ น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
ตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา สอง เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก สาม คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่าง ๆ

ในประเทศจีน

ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี
ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนาน ๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้


ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง การตรวจจับด้วยเทคนิคด่าง ๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งมีราคาแพงและค่อนข้างยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดคือควรซื้อน้ำผึ้งจากผู้ขายที่เชื่อใจได้ หรือมิฉะนั้นต้องใช้สายตาประเมินคุณภาพดังต่อไปนี้
  1. มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้น ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่าง ๆ
  5. ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง
  7. การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
  8. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที
เกี่ยวกับน้ำผึ้ง น้ำผึ้งแท้



น้ำผึ้ง (อังกฤษHoney) เป็นอาหารหวานที่ผึ้งผลิตโดยใช้น้ำต้อยจากดอกไม้ น้ำผึ้งมักหมายถึงชนิดที่ผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์ Apis เนื่องจาก เป็นผึงเก็บน้ำหวานให้คุณภาพสูง และสามารถเลี้ยงระบบกล่องได้ น้ำผึ้งมีประวัติการบริโภคของมนุษย์มายาวนาน และถูกใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด น้ำผึ้งยังมีบทบาทในศาสนาและสัญลักษณ์นิยม รสชาติของน้ำผึ้งแตกต่างกันตามน้ำต้อยที่มา และมีน้ำผึ้งหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ นอกจากนี้ ยังมีภูมิปัญญาที่ใช้น้ำผึ้งในการรักษาอาการเจ็บป่วย


กระบวนการผลิต

ผึ้งน้ำหวานเปลี่ยนน้ำต้อยเป็นน้ำผึ้งด้วยขบวนการการขย้อน และเก็บไว้เป็นแหล่งอาหารหลักในรังผึ้ง honeycomb โดยผึงจะสร้าง ขี้ผึ้งจากเศษเกสรดอกไม้และน้ำเมือก โดยจะเก็บของเหลว จากการขย้อน]ลงใน ฐานหกเหลียม และปิดไว้ด้วย ขี้ผึ้งอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการ

น้ำผึ้งได้ความหวานจากมอโนแซ็กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลูโคส และมีความหวานประมาณเทียบได้กับน้ำตาลเม็ด[1][2] น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางเคมีที่ดึงดูดในการอบ และมีรสชาติพิเศษซึ่งทำให้บางคนชอบน้ำผึ้งมากกว่าน้ำตาลและสารให้ความหวานอื่น ๆ [1] จุลินทรีย์ส่วนมากไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพราะมีค่าแอกติวิตีของน้ำต่ำที่ 0.6[3] อย่างไรก็ดี บางครั้งน้ำผึ้งก็มีเอนโดสปอร์ในระยะพักตัวของแบคทีเรีย Clostridium botulinum ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารก เพราะเอนโดสปอร์สามารถแปลงเป็นแบคทีเรียที่ผลิตชีวพิษในทางเดินอาหารที่ยังไม่เจริญเต็มที่ของทารก ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บป่วยและอาจถึงแก่ชีวิต[4]

ส่วนประกอบทางเคมี

น้ำผึ้ง
คุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม (3.5 ออนซ์)
พลังงาน1,272 kJ (304 kcal)
82.4 g
น้ำตาล82.12 g
ใยอาหาร0.2 g
0 g
0.3 g
วิตามิน
ไรโบเฟลวิน (บี2)
(3%)
0.038 mg
ไนอาซิน (บี3)
(1%)
0.121 mg
(1%)
0.068 mg
วิตามินบี6
(2%)
0.024 mg
โฟเลต (บี9)
(1%)
2 μg
วิตามินซี
(1%)
0.5 mg
โลหะรอง
แคลเซียม
(1%)
6 mg
เหล็ก
(3%)
0.42 mg
แมกนีเซียม
(1%)
2 mg
ฟอสฟอรัส
(1%)
4 mg
โพแทสเซียม
(1%)
52 mg
โซเดียม
(0%)
4 mg
สังกะสี
(2%)
0.22 mg
องค์ประกอบอื่น
น้ำ17.10 g

Shown is for 100 g, roughly 5 tbsp.
ประมาณร้อยละคร่าว ๆ โดยใช้การแนะนำของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้ใหญ่
แหล่งที่มา: USDA Nutrient Database


น้ำผึ้งเป็นสารผสมของน้ำตาลกับสารประกอบอื่น น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นฟรุกโทส (ราว 38.5%) และกลูโคส (ราว 31.0%) [1] ทำให้น้ำผึ้งคล้ายกับน้ำเชื่อมน้ำตาลอินเวิร์ท (inverted sugar syrup) ที่ผลิตเชิงสังเคราะห์ ซึ่งมีปริมาณฟรุกโทส 48% กลูโคส 47% และซูโครส 5% คาร์โบไฮเดรตที่เหลือในน้ำผึ้งมีมอลโทสและคาร์โบไฮเดรตซับซ้อนอื่น ๆ [1] เช่นเดียวกับสารให้ความหวานที่บำรุงสุขภาพทุกชนิด น้ำผึ้งส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลและมีวิตามินหรือแร่ธาตุอยู่เล็กน้อย[5][6] น้ำผึ้งยังมีสารประกอบหลายชนิดในปริมาณน้อยซึ่งคาดกันว่าทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงไครซิน พิโนแบค์ซิน วิตามินซี คาตาเลสและพิโนเซมบริน[7][8] องค์ประกอบที่เจาะจงของน้ำผึ้งแต่ละกลุ่มนั้นขึ้นอยู่กับดอกไม้ที่ผึ้งใช้ผลิตน้ำผึ้ง[5]
ผลการวิเคราะห์น้ำผึ้งตามแบบ มีสารดังต่อไปนี้
  • ฟรุกโทส 38.2%
  • กลูโคส 31.3%
  • มอลโทส 7.1%
  • ซูโครส 1.3%
  • น้ำ 17.2%
  • น้ำตาลที่สูงกว่า 1.5%
  • เถ้า 0.2%
  • อื่น ๆ /ไม่กำหนด 3.2%[9]
ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ระหว่าง 31 ถึง 78 แล้วแต่ชนิด[10] น้ำผึ้งมีความหนาแน่นราว 1.36 กิโลกรัมต่อลิตร (หนาแน่นกว่าน้ำ 36%) [11]

โภชนาการทางการรักษา

ในประเทศไทย

น้ำผึ้ง ตามแบบแผนการรักษา ตำรับยาโบราณของไทย ได้มีการสืบทอดกันมา ตามสูตรยาสมุนไพรโบราณ มักนำมาใช้แต่งกลิ่นเจือรส ชูความง่ายในการรับประทาน เพราะส่วนมากสมุนไพรมักมีรสฝาดและขม โดยน้ำผึ้งใช้ทั้งแต่รส ขึ้นรูป และเป็นส่วนประกบในยาแผนโบราณหลายชนิด ตามสรรพคุณ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ปวดหลัง ปวดเอว ทำให้แห้ง ใช้ทำยาอายุวัฒนะ
  • แต่งรส น้ำผึ้งมีรสหวานฝาด ร้อนเล็กน้อยเราใช้น้ำผึ้งแต่งรสยาบางชนิด เช่น ยาแก้ไข้ที่มีรสขมมาก จนคนไข้กินไม่ได้ เราต้องใช้น้ำผึ้งผสมใและช่วยชูกำลัง
  • ปรุงยา เป็นส่วนประกอบในการนำไปใช้ โดยน้ำผึ้งมาผสมกับยาผงให้เหนียว เพื่อปั้นเป็นลูกกลอน แต่ผู้ปรุงยาควรนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรค มิฉะนั้น ยาลูกกลอนจะขึ้นราภายหลัง
ตามความเชือโบราณ น้ำผึ้งเดือน 5 เป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุด เนื่องด้วยอากาศที่แห้ง จึ้งทำให้น้ำผึ้งมีความเข้มข้นสูง
ตามหลักการแพทย์แผนไทยแล้ว น้ำผึ้งมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย แนะนำว่าไม่ควรกินน้ำผึ้งแบบเข้มข้นโดยไม่ผสมอะไรเลย เช่น คนที่ดีพิการ คือ มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง นอนสะดุ้งผวา สอง เสมหะพิการ คือมีเสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก สาม คนที่น้ำเหลืองเสีย มีฝีพุพอง ตุ่มหนอง หรือโรคครุฑราชต่าง ๆ

ในประเทศจีน

ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า "พังบิ๊ก" เป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะบำรุงลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย น้ำผึ้งมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ สามารถใช้ได้ทั้งเดี่ยว และนำไปเป็นส่วนผสมของยา กรณีที่ใช้เดี่ยวโดยมากใช้ในกรณีลำไส้ไม่ดี
ถ้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว กินน้ำผึ้งประจำจะไปช่วยเคลือบลำไส้ ช่วยระบบขับถ่าย แต่สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ กากอาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้จะแข็งตัว ถ้าปล่อยให้ท้องผูกนาน ๆ กากอาหารจะขูดผนังลำไส้ อาจทำให้เป็นแผล และมีปัญหาสุขภาพตามมา ซึ่งถ้าเรากินน้ำผึ้งเพื่อช่วยเคลือบลำไส้จะช่วยลดปัญหาลงได้


ลักษณะของน้ำผึ้งที่ดี

ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายมักใส่สารแปลกปลอมลงในน้ำผึ้ง การตรวจจับด้วยเทคนิคด่าง ๆ จึงเป็นเรื่องยาก นอกจากตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งมีราคาแพงและค่อนข้างยุ่งยาก วิธีที่ดีที่สุดคือควรซื้อน้ำผึ้งจากผู้ขายที่เชื่อใจได้ หรือมิฉะนั้นต้องใช้สายตาประเมินคุณภาพดังต่อไปนี้
  1. มีความข้นและหนืดพอสมควรซึ่งแสดงว่าน้ำผึ้งมีน้ำน้อย มีคุณภาพสูง
  2. มีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ
  3. มีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งตามชนิดของดอกไม้นั้น ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่
  4. ปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุแขวนลอยต่าง ๆ
  5. ไม่มีกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง
  6. ไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใด ๆ ลงในน้ำผึ้ง
  7. การหยดน้ำผึ้งใส่กระดาษไข ถ้าเป็นของแท้จะไม่ซึมแน่นอน
  8. ทดสอบโดยหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา สังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนให้เข้ากันจะไม่ละลายในทันที
 

2012 nuree honey shop | Blogger Templates for HostGator Coupon Code | Upgraded by: Irsah inDesigns
Sponsors: WooThemes Coupon Code, Rockable Press Discount Code